รู้หรือไม่ ในร่างกายเราประกอบด้วยน้ำถึง 65% โดยเฉพาะในสมองประกอบด้วยน้ำมากกว่า 80% แม้กระทั่งในกระดูกซึ่งน่าจะมีน้ำเป็นองค์ประกอบน้อย กลับมีมากถึง 25% และโดยทั่วไปจำนวนน้ำในร่างกายเรา 1 ใน 3 เป็นน้ำที่อยู่ในผิว การรักษาความชุ่มชื้นภายในเซลล์ผิวและการส่งผ่านน้ำภายในเซลล์ผิวเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง
ผิวหนังของคนเราชั้นบนสุดคือผิวหนังที่ตายแล้ว (หรือเราถูออกมาแล้วเรียกขี้ไคลค่ะ) ชั้นล่างลงไปคือเซลล์ปกติมีลักษณะยาวรีเรียงต่อกันเป็นตาข่าย แต่ละเซลล์จะมีน้ำไปหล่อเลี้ยง ซึ่งถ้าได้รับน้ำเพียงพอเซลล์จะกลมๆ ป่องๆ เมื่อแสงตกกระทบจะดูมีน้ำมีนวล แต่ถ้าขาดน้ำเซลล์จะเล็กฟีบ ดูเหี่ยวแห้ง ขาดชีวิตชีวา รอบๆ เซลล์ก็ต้องมีน้ำหล่อลื่น และในชั้นคอลลาเจนก็ต้องการน้ำเพื่อความตึงตัวเช่นกัน
บ้านเราอากาศร้อน ร่างกายสูญเสียน้ำได้ง่าย ดังนั้นใครต้องการมีผิวพรรณเปล่งปลั่งจึงควรดื่มน้ำให้เพียงพอ ธรรมชาติกำหนดให้มีชั้นไขมันเคลือบผิวหนังของเราไว้ เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำ ยิ่งคุณดื่มน้ำน้อยก็ยิ่งต้องรักษาสภาพของชั้นไขมันนี้ไว้ คนผิวมันจึงเป็นคนมีบุญ แต่มักเข้าใจผิดคิดว่าเนื้อตัวสกปรก ใช้สบู่ฟอกกำจัดชั้นมันของผิวหนังออกหมด จนกลายเป็นคนผิวมันที่ขาดความชุ่มชื้นไป
ส่วนคนผิวแห้ง คือ คนที่ร่างกายสร้างชั้นไขมันไม่พอ จึงควรใช้น้ำมันจากภายนอกทาปกป้องไว้เสมอ ไม่เช่นนั้นร่างกายจะฟ้องโดยเริ่มจากปากแห้ง ผิวแห้ง โดยเฉพาะตามแขน ขา หน้าแข้งซึ่งมีไขมันใต้ผิวหนังหล่อเลี้ยงน้อย คนที่ไม่ชอบดื่มน้ำจึงดูไม่สดใส หมองคล้ำ
สำหรับครีมบำรุงผิวที่มีมากมายหลายยี่ห้อนั้นต่างก็มีพื้นฐานเดียวกันคือ มีคุณสมบัติป้องกันการสูญเสียน้ำ เพราะน้ำคือตัวทำ ให้ผิวสวย คนที่ผิวแพ้ง่าย ระคายเคือง เดี๋ยวคันเดี๋ยวแดง พวกนี้ผิวสูญเสียน้ำเยอะ ต้องรีบฟื้นฟู
อย่าปล่อยให้ผิวแห้งจนนำไปสู่ปัญหาผิวอื่นๆ เช่น ผิวบอบบางแพ้ง่าย ริ้วรอยจากผิวขาดน้ำ ผิวหมองคล้ำ หรือรูขุมขนกว้าง ดังนั้้น เราควรพยายาม ดื่มน้ำสะอาด น้ำบริสุทธิ์ให้มากอยู่เสมอ (ยกเว้นคนเป็นโรคไตหรือโรคที่แพทย์สั่งให้ควบคุมการดื่มน้ำ) เพราะการรับน้ำเข้าสู่ร่างกายโดยตรงมีวิธีเดียวเท่านั้นและได้ผลดีที่สุดค่ะ
วันที่: Fri Nov 15 08:14:38 ICT 2024
|
|
|